โพสต์โดย : Admin เมื่อ 1 ก.ย. 2563 14:47:45 น. เข้าชม 166420 ครั้ง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 22 ตั้งกรรมการสอบ ผอ.โรงเรียนต้นสังกัดของกลุ่ม 5 ครูฉาว ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเพื่อนครูผู้หญิงที่ออกมาให้กำลังใจเพื่อนครูกลุ่มนี้และตราหน้าเด็กว่าเป็นคนเนรคุณก็ไม่รอด ถูกสั่งการให้เขียนรายงานชี้แจง ขณะที่ปู่ของเด็กหญิงวัย 16ปี ที่เป็นเหยื่อกลุ่มครูฉาวรายที่ 2 เรียกร้องให้ประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านของปู่เด็กหญิงชั้น ม.5 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 2 ของกลุ่มครูฉาว และได้พบกับปู่ของเด็กหญิงคนนี้ โดยปู่เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหลานสาวไม่เคยเล่าเรื่องถูกกลุ่มครูล่วงละเมิดทางเพศให้ฟังแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากตัวเองทราบเรื่องเมื่อไม่กี่วันมานี้ ยอมรับว่ารู้สึกใจหายถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก เพราะก่อนหน้านี้มั่นใจว่าโรงเรียนจะเป็นหูเป็นตาช่วยดูแลบุตรหลานของครอบครัวต่าง ๆ เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ตัวเองรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
โดยที่สำคัญจนถึงตอนนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุ หรือ ญาติของกลุ่มครูเหล่านี้ ไม่เคยติดต่อมาเลย และมั่นใจว่า หลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเพราะพ่อแม่เด็กแยกทางกันไม่มีทางสร้างเรื่องหรือโกหกในเรื่องแบบนี้ เพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดี แต่เมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นแล้วก็ต้องทำใจยอมรับและปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพียงแต่ถ้าถามตัวเองในฐานะปู่ที่เลี้ยงและดูแลหลานมาตลอด อยากให้ลงโทษหนักสุด คือ ประหารชีวิต
สำหรับคดีของเด็กหญิง ม.5 ที่เป็นเหยื่อรายที่ 2 ตำรวจสภ.ผึ่งแดด ได้แยกสำนวนคดีออกจากคดีของเด็กหญิงผู้เสียหายรายแรก โดยเบื้องต้น แจ้งข้อหาเดียวกัน คือ ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา อันมีลักษณะการโทรมหญิง พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้ต้องหาคดีนี้ 3 ราย ประกอบด้วย นายวิพจน์ นายยุทธ และนายอานุภาพ ซึ่งทั้งหมดเป็นครู ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อวานนี้ โดยทั้ง 3 คน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และศาลอนุญาตให้ประกันวงเงินคน 150,000 บาท
ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 22 หรือ สพม. 22 นายจักราวุธ สอนโกษา ผู้อำนวยการสพม. 22 เรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มงานกฎหมายและคดีพูดคุยความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีครูโรงเรียนในจังหวัดมุกดาหาร 5 คน ร่วมกันกระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิง 2 คน หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำงานร่วมกับศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหาร และสั่งให้ครูกลุ่มนี้ออกจากราชการไว้ก่อน สถานะเวลานึ้ครูทั้งหมดจึงขาดจากสถานะข้าราชการแล้ว และจะไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
โดยผู้อำนวยการ สพม. 22 ยืนยันว่า โรงเรียนนี้ ยังสามารถเปิดภาคเรียนได้ตามแผนเดิม เพราะเมื่อขาดครูทั้ง 5 คนนี้ไปแล้ว โรงเรียนยังคงมีจำนวนเพียงพอที่อยู่ในระดับความสามารถในการจัดการเรียนการสอนได้ตามมาตรฐาน แต่เบื้องต้นจะสั่งตั้งกรรมการสอบสวนผู้อำนวยการโรงเรียนว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้ส่วนครูผู้หญิงที่ออกมาให้กำลังใจครูผู้ชายทั้ง 5 คน และกล่าวหาว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศ เป็นเด็กดื้อ พร้อมตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณ ผู้อำนวยการ สมพ.22 กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของครูคนนั้น ถ้าถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหมาะสม ควรแยกให้ออกระหว่างความดีกับความชั่ว และตอนนี้ให้เขียนรายงานชี้แจงแล้ว เบื้องต้นอาจจะแค่ว่ากล่าวตักเตือนก่อน และขอให้ผู้ปกครองและชุมชนเชื่อมั่นในสถานที่ศึกษาเหมือนเดิม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดส่วนบุคคล
ด้านกองบังคับตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต. ภานุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำงานในคดีนี้ โดยมีผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.อรรคพงศ์ พิมลศิริ พร้อมด้วบตำรวจจาก สภ.ผึ่งแดด เจ้าของคดีนี้สรุปความคืบหน้าทางคดีให้ฟัง โดยเบื้องต้น ตำรวจเปิดเผยว่า ทั้ง 2 คดีคื บหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ
สำหรับประเด็นที่ว่า นามสกุลของ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรผึ่งแดดเหมือนกับนายวิพจน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ครูสอนคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญอยู่ในทุกเหตุการณ์ ทางตำรวจพื้นที่ บอกว่า ไม่ใช่พนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ คนทำคดีนี้ ยังเป็น พ.ต.ท.ปรีชา ครองยุติ สารวัตรสอบสวน ส่วนชื่อและนามสกุลตำรวจ ที่มีการเผยแพร่ เป็นเพียงนายเวรที่ฝากขัง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีหรือการสอบสอนของคดีเลย
ขอบคุณที่มา : www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/125341