โพสต์โดย : Admin เมื่อ 14 ต.ค. 2563 07:22:44 น. เข้าชม 166335 ครั้ง
ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตนได้หารือร่วมกับสถาบันการเงินทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่เป็นเจ้าหนี้หลักของกลุ่มข้าราชการครูแล้ว มีการเสนอรูปแบบการแก้ปัญหาหนี้สินครูที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่คิดไว้ครั้งแรก คือ โครงการลดดอกเบี้ย ยืดระยะหนี้ให้ยาวขึ้น เพิ่มสภาพคล่องให้ครู ซึ่งมองว่าโครงการนี้แม้จะลดดอกเบี้ยให้ครูแต่หนี้ก็ยังมีอยู่เท่าเดิม และยังสร้างภาระให้แก่ข้าราชการครูเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงมีข้อเสนอใหม่ที่อยากจะใช้วิธีการลดเงินต้นของครูให้ได้มากที่สุด ด้วยเงินสวัสดิการของครูที่เก็บเป็นเงินฝากไว้ในอนาคต เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นวิธีการนำเงินฝากบางส่วนมาลดเงินต้น
นายอนุชากล่าวด้วยว่า แนวทางลดเงินต้นให้แก่ครูนั้น ขณะนี้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ครูได้ไปหารือกับ กองทุน กบข.แล้ว โครงการลดเงินต้นจากเงินฝากที่เป็นเงินสะสมของครูในอนาคตนั้น เราจะไม่บังคับให้ครูเข้าร่วมโครงการ แต่ให้เป็นความสมัครใจ โดยครูที่มีปัญหาเรื่องหนี้สินแต่ยังสามารถรับภาระผ่อนชำระไหวและไม่อยากนำเงินในอนาคตของตัวเองที่สะสมไว้มาโปะเพื่อชำระหนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีครูเข้าร่วมโครงการจำนวนกี่คน เนื่องจากเน้นความสมัครใจ ทั้งนี้ การลดเงินต้นได้เร็ว เชื่อว่าจะทำให้ภาระหนี้ครูลดลงไปด้วย และครูจะได้ไม่มีข้อกังวล สามารถจัดการเรียนการสอนได้เต็มศักยภาพ อย่างไรก็ตาม แผนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะนำเสนอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พิจารณาต่อไป.