จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ก.พ. มีการเผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ระบุว่าสามารถบันทึกภาพรถตู้สีขาวคาดน้ำตาล เอาไว้ได้ พร้อมข้อความว่า “เตือนภัยรถตู้จับเด็ก ค่ะ เหตุเกิด 19 ก.พ.61 เวลา 17.00 น. ที่บ้านสันติพัฒนา อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา กล้องวงจรปิดของโรงเรียนค่ะ” ทำให้โลกโซเชี่ยลแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนาๆแล้วยังแชร์โพสต์ต่อกันไปหลายพันครั้ง เนื่องจากเห็นว่าหากเป็นเรื่องจริงจะเป็นภัยสังคม
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จนทราบว่า มีอาจารย์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานจริง โดยระบุว่ามีรถตู้พยายามบังคับเด็กนักเรียนขึ้นรถ เกรงว่าจะได้รับอันตราย แต่เด็กนักเรียนหนีมาได้ก่อน ขณะเดียวกันเจ้าของรถซึ่งมีลักษณะคล้ายภาพจากกล้องวงจรปิดได้เข้ามาลงพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
โดยชี้แจงว่ารถตู้เป็นของวัดทรัพย์เจริญ บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ 4 ต.บ้านราษฎร์ อ.เสิงสาง ทะเบียน ฮท 7486 กทม. ซึ่งมีพื้นที่ติดกับต.สระตะเคียน และในวันและเวลาที่ถูกระบุว่าเป็นรถตู้ลักพาตัวเด็ก มีนายสถาพันธ์ อัตตาหาร อายุ 41 ปี ขับรถออกตระเวนบอกงานบุญเทศมหาชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3-4 มี.ค.นี้ ไม่ได้ออกตระเวนหาลักพาตัวเด็กตามที่ถูกกล่าวอ้าง และยินดีที่จะเข้าไปชี้แจงกับคณะครูและนักเรียนของโรงเรียน
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายสถาพันธ์ ซึ่งยอมรับว่า เป็นผู้ขับรถตู้ไปกับรถกระบะอีกคันเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ต.สระตะเคียน ช่วยงานบุญเทศมหาชาติของทางวัด พร้อมรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง ระหว่างที่เข้าไปในหมู่ที่อยู่ติดกับโรงเรียนเกิดพลัดหลงกันรถกระบะซึ่งเป็นรถกระจายเสียง จึงต้องขับรถตามหากัน ระหว่างที่กำลังจะกลับรถด้านข้างโรงเรียนก็มีเด็กนักเรียน 2 คนเดินอยู่กลางถนนจึงเบรกรถกะทันหัน ทำให้เด็กนักเรียนตกใจวิ่งหนี แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจจึงขับรถตามหารถอีกคันจนพบและยังตระเวนบอกบุญต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมาทราบข่าวว่ากลายเป็นรถตู้จับเด็กจึงเข้าชี้แจงกับตำรวจ
ต่อมานายสถาพันธ์ ขับรถตู้เดินทางไปชี้แจงกับครูที่โรงเรียน โดยมีการเชิญผู้ปกครองมาชี้แจงทำความเข้าใจด้วย ว่าเป็นรถของทางวัดที่มาบอกบุญ ทำให้ทุกฝ่ายได้ไขข้อข้องใจและรับทราบข้อเท็จจริงโดยทั่วกัน ซึ่งก็ไม่มีใครจิตใจเอาความใดๆ และเห็นว่าการช่วยกันเฝ้าระวังสอดส่องดูแลภัยนั้นถือเป็นเรื่องดี ต่อมาทางครูผู้โพสต์เฟซบุ๊ก ได้ลบโพสต์ออกจากหน้าเฟซบุ๊ก ทำให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงได้โดยดี