โพสต์โดย : Admin เมื่อ 14 ธ.ค. 2560 08:17:48 น. เข้าชม 166379 ครั้ง
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบช.ภ.4) เดินทางเข้าสอบปากคำ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะพยาน และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ที่ช่วยเหลือเรื่องการรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูจอมทรัพย์ โดยใช้เวลาสอบปากคำนาน 1 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวภายหลังการให้ปากคำเสร็จว่า ไม่ขอพูดถึงรายละเอียดในการสอบปากคำ แต่ยืนยันว่าการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์เป็นการทำไปตามพยานหลักฐาน และสิทธิที่ครูจอมทรัพย์ได้รับมาตั้งแต่ปี 2557 โดยกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน โดยยอมรับว่าได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่านายสับ วาปี และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง พยานของครูจอมทรัพย์ รับสภาพว่ามีการว่าจ้างให้รับผิดแทน จึงได้นำพยานและครูจอมทรัพย์เข้าเครื่องจับเท็จ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า แต่เครื่องจับเท็จไม่สามารถจับเท็จครูจอมทรัพย์ได้ เพราะไม่มีความผิดปกติทางร่างกาย ไม่มีเหงื่อออก ดังนั้นจึงถือว่าครูจอมทรัพย์ยังมีสิทธิในการรื้อฟื้นคดีอยู่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการสร้างพยานหลักฐานเท็จของครูจอมทรัพย์ แล้วตนเองไม่ได้ติดต่อกับพยานโดยตรง เป็นเพียงผู้มอบนโยบายเท่านั้น จึงไม่ทราบรายละเอียดของคดี
“การสอบปากคำหลังจากนี้จะให้พนักงานสอบสวนส่งคำถามมา เพื่อตอบในแต่ละประเด็น ที่ผ่านมา เชื่อว่าครูจอมทรัพย์ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งหมด ที่ร่วมเข้าไปทำคดี ทางกระทรวงยุติธรรมและส่วนตัวไม่มีสิทธิไปโกรธใครกรณีที่นางจอมทรัพย์มาแจ้งข้อมูลเท็จ เพราะหน้าที่ของเราคือให้ความยุติธรรมกับประชาชนทุกคน ส่วนเรื่องปั้นหลักฐานเท็จจะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ดำเนินการต่อไป” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตำรวจและกระทรวงยุติธรรมไม่มีความขัดแย้งใดๆ ประสานงานกันมาตลอด ยืนยันการทำคดีช่วยเหลือในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมเป็นหลัก โดยอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนมากที่สุด และน้อมรับคำตัดสินของศาลทุกอย่าง
ด้าน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ เปิดเผยว่า ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ก่อนหน้านี้ได้รับการประสานจากพ.ต.อ.ดุษฎี ว่าพบพิรุธในคดีครูจอมทรัพย์ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอยังไม่มีการแจ้งข้อหา เนื่องจากเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานเท่านั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ทราบว่าพยานรับสารภาพนั้น อาจเกี่ยวข้องจริง แต่ต้องดูที่เจตนา หากเป็นการกระทำที่อยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ และมีเจตนาเพื่ออำนวยความยุติธรรมเป็นหลัก ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 14 ราย ส่วนการสอบปากคำ พ.ต.อ.ดุษฎี นั้นเป็นพยานคนสุดท้าย โดยจะสอบถามในประเด็นว่ามีหน้าที่อะไร ทำอะไรบ้าง โดยจะส่งเป็นประเด็นคำถามมาให้ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี อีกครั้งภายในวันนี้ และที่ผ่านมาได้สอบปากคำไป 60 ปาก จากนี้ต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมด
“ก็จะนำเสนอเข้าคณะกรรมการร่วมระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกระทรวงยุติธรรม พิจารณาว่าจะแจ้งข้อหากับใครบ้าง โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ โดยยืนยันจะไม่มีการช่วยเหลือหรือเข้าข้างผู้กระทำความผิด ดำเนินคดีตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นหลัก ถ้ามีขบวนการจ้างมารับผิดก็ไม่รอด ต่อไปใครที่มาร้องขอให้รื้อฟื้นคดี ขอให้เป็นเรื่องจริงอย่าปั้นพยานหลักฐานเท็จ ยืนยันไม่มีเกี๊ยเซี๊ยะกันอย่างแน่นอนระหว่างตำรวจกับกระทรวงยุติธรรม” รองผบช.ภ.4 กล่าว
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินในครั้งนี้เป็นผลการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจกับกระทรวงยุติธรรม ยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน