โพสต์โดย : Admin เมื่อ 8 ธ.ค. 2560 11:59:56 น. เข้าชม 166348 ครั้ง
จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองกาญจนบุรี อ้างว่าถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เลข 533725 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ แต่ปรากฏว่าสลากฯ ชุดดังกล่าวหายไป ต่อมา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ เป็นผู้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลาก จนเกิดการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งต่อมาต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ซื้อและถูกรางวัลที่ 1 นั้น
วันที่ 8 ธ.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมทีมงาน ได้นัดหมายสื่อมวลชนทุกแขนงไปพร้อมกันที่บริเวณตลาดเรดซิตี้ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เนื่องจากทนายตั้มได้นำพา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วยนางลาวัลย์ วิมูล มาทำแผนขั้นตอนการเดินทางมาที่ตลาดเรดซิตี้ ก่อนที่ ร.ต.ท.จรูญ จะซื้อล็อตเตอรี่ งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จากแม่ค้าขายล็อตเตอรี่ที่ตั้งแผงขายบริเวณหลังศาลพระภูมิภายในตลาด
โดยขั้นตอนแรกคือวันที่ 31 ต.ค.ก่อนวันหวยออก 1 วัน ร.ต.ท.จรูญ ได้มาที่ตลาดพร้อมกับภรรยา ก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันไป โดยภรรยาเดินไปซื้อของตามตลาดนัด ส่วน ร.ต.ท.จรูญ ได้เดินมาดูล็อตเตอรี่ที่มีแม่ค้าตั้งแผงขายอยู่ประมาณ 3-4 เจ้า เมื่อเสร็จธุระสองสามีภรรยาจึงเดินทางกลับบ้าน
ขั้นตอนที่สองคือช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 28 พ.ย.เป็นจุดที่ ร.ต.ท.จรูญ อ้างว่า นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดหมายให้ ร.ต.ท.จรูญ ไปพบที่บ้านพักที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีหลังเก่า ซึ่งจุดนี้ภรรยาของ ร.ต.ท.จรูญ และลูกสาวได้เดินทางมาด้วย แต่ให้รอข้างนอก โดให้ ร.ต.ท.จรูญ เข้าไปภายในบ้านเพียงคนเดียว
โดยทุกขั้นตอนในการทำแผนเพื่อนำไปเป็นหลักฐาน ทนายษิทรา ได้มอบหมายให้ทีมงานถ่ายคลิปและภาพนิ่งเอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งการทำแผนทั้งสองขั้นตอน ได้รับความสนใจจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งประชาชนที่ผ่านไปมาบริเวณตลาดเรดซิตี้เป็นอย่างมาก และทั้งสองขั้นตอนใช้เวลาประมาณ 50 นาทีจึงแล้วเสร็จ สำหรับตลาดเรดซิตี้นั้น มีระยะทางอยู่ห่างจากบ้านพักของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดังกล่าวประมาณ 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ได้กล่าวยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าตนเองนั้นเป็นคนซื้อล็อตเตอรี่ ชุดดังกล่าวจริง และการที่ซื้อก็หวังเพียงแค่ต้องการถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 จึงนำไปขึ้นรางวัล จากนั้นก็เบิกเงินออกมา จำนวน 5,500,000 บาท เพื่อนำไปใช้หนี้ที่มีอยู่ แต่เงินจำนวนที่เหลืออยู่ในธนาคาร ก็มาถูกเจ้าหน้าที่อายัดเอาไว้ ทั้งๆที่เงินของตนได้มาด้วยความบริสุทธิ์
ถามว่าหลังจากนี้จะมีการเจรจากับคู่กรณีคืออาจารย์ปรีชาหรือไม่ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ตอบได้เลยว่าไม่คุย เพราะตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาตนก็ไม่ชอบอยู่แล้ว มี่ที่ไหนตนถูกรางวัลที่ 1 แท้ๆ แต่จะมาเจรจาแบบวินๆ ถามว่าหากใครถูกรางวัลที่ 1 และตนไปแบ่งแบบขอวินๆด้วยจะมีใครยอมหรือไม่
สำหรับเงินที่ตนถูกอายัดเอาไว้ ก็อยากจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง ก่อนที่จะอายัดน่าจะไปหาข้อมูลข้อเท็จจริงเสียก่อนว่าใครเป็นคนผิดหรือเป็นคนถูกกันแน่ ไม่ใช่อยู่ๆก็มาอายัดเลยเช่นนี้ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นว่าทำให้ครอบครัวของตนนั้นเป็นจำเลยของสังคม และหลังจากนี้ก็คงจะต้องมีการแจ้งความกลับอย่างแน่นอน
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยว่า วันนี้ก่อนที่จะเดินทางมาที่ตลาดเรดซิตี้ ผมได้ไปหาพยานมาทั้งหมด 2 คน ซึ่งพยานทั้งสองคนไม่ขอเปิดเผยรายชื่อและใบหน้าทั้งนั้น เพราะพยานทั้งสองคนเขากลัวเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเรื่องนี้มันเป็นขบวนการที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยน้องผู้หญิงที่เป็นพยานทั้งสองคนได้บอกว่าวันที่ 31 ต.ค.เขาก็ได้มาที่ตลาดเรดซิตี้แห่งนี้ และวันดังกล่าวทั้งสองได้ชวนกันมาซื้อล็อตเตอรี่ที่นี่เพราะไปเสี่ยงเซียมซีมาได้เลข 926 จากนั้นก็เดินไปซื้อเลขที่แผงขาย แต่แม่ค้าไม่มีเลข 926 จึงไม่ซื้ออีกทั้งยังราคาแพง และระหว่างกำลังเดินกลับ แม่ค้าคนดังกล่าวได้เยขึ้นมาว่า ให้โชคแล้วไม่เอา เมื่อได้ยินพยานทั้งสองจึงหันไปมองหน้าแม่ค้าคนดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมาพยานทั้งสองได้ดูรายการทีวีช่องต่างๆ ก็พบว่าเป็นแม่ค้าขายล็อตเตอรี่ที่ไปออกรายการนั้นเป็นแม่ค้าคนเดียวกัน ซึ่งพยานทั้งสองไม่พอใจที่แม่ค้าคนดังกล่าวไปออกรายการแล้วบอกว่า ที่แผงไม่มีเลขท้าย 26 ขาย แต่ครั้งแรกพยานไม่ได้ให้ข้อมูลกับตนเป็นคนแรก แต่ได้โพสต์ข้อมูลดังกล่าวลงในเพจ เฟสบุ๊กคนเมืองกาญจน์ 2 ซึ่งการที่ทั้งสองมาเป็นพยานให้นั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และทั้งสองจำเลขหน้าไม่ได้ จำได้แต่เพียงว่าในแผงขายล็อตเตอรี่นั้นมีเลขท้าย 26 ซึ่งพยานทั้งสองถือว่ามีประโยชน์มาก เพราะเป็นการยืนยันได้ว่าทางแม่ค้าไม่ได้เก็บเอาไว้ให้คุณครูตามที่เขาพูดมาทุกรายการ
ทนายกล่าวอีกว่า ส่วนจะให้พยานไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ตอบว่าไม่มีทาง และไม่ไปแน่นอนเพราะว่าน้องเขากลัวเพราะเรื่องนี้มันเป็นขบวนการ แต่ขบวนการทางศาล ตนต้องกล่อมน้อมอีกครั้งหนึ่ง ถามว่าเชื่ออยู่หรือไม่ว่ามีการทำเป็นขบวนการตั้งแต่แรก ตอบว่ามีและขณะนี้ตนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และถ้าหากวันไหนมีการแจ้งข้อกล่าวหามา ก็จะเรียกพยานทุกปากที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนายตำรวจคนไหน ต้องให้มาเป็นพยานในชั้นพนักงานสอบสวนทุกคน และเชื่อว่ากลุ่มขบวนการมีมากกว่า 5 คน ซึ่งจะเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจรแน่นอน
สำหรับกรณีเกี่ยวกับการจะนำทั้งฝ่ายเข้าไปให้การในเครื่องจับเท็จ ผมเห็นไปบอกว่าจะไปออกเครื่องจับเท็จ ถามว่าเครื่องจับเท็จอะไร เขาได้มาเชิญหรือทำหนังสือมาเชิญหรือไม่ เห็นเขาไปออกทีวีอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งอยู่ๆคุณจะมานำเขาไปเข้าเครื่องจับเท็จไม่ได้ แต่จะต้องมีหนังสือเชิญมาก่อน และถ้าหากเรายินดีเราก็จะไป เขาไม่มีอำนาจอะไรมาสั่งแล้วเราจะต้องไป แต่ถ้าหากจะไปเข้าเครื่องจับเท็จผมก็จะต้องไปในสถานที่ที่เป็นกลาง อาจจะไปขอในชั้นศาลโดยไม่ใช่ในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยซ้ำ
สำหรับกรณีการอายัดเงินนั้นผมย้ำมาโดยตลอดว่าพนักงาสอบสวนไม่มีอำนาจตรงนั้น เพราะว่าเขายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งเขาทำหนังสืออายัดไปที่ทางธนาคาร ซึ่งผมไม่ขอพูดเกี่ยวกับธนาคาร เพราะเขาได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวน ซึ่งคนที่ผิดก็คือพนักงานสอบสวน หรือรองผู้กำกับที่เป็นคนออกหนังสือตัวนี้