โพสต์โดย : py_sa เมื่อ 8 ส.ค. 2561 20:31:03 น. เข้าชม 166425 ครั้ง
ชื่อเรื่อง การพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้วิจัย นายประนอม รักประทุม ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 80/80 3. เพื่อทดลองใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร จำนวน 44 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ และความต้องการการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จำนวน 25 ข้อ ใช้สอบถามนักเรียน ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ 2) กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI จำนวน 15 กระบวนการ เวลา 15 ชั่วโมง รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 40 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 20 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ร้อยละ, ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, ทดสอบค่าทีเพื่อทราบความมีนัยสำคัญทางสถิติ (t-test dependent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ และความต้องการ การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งผลการศึกษา จากครูผู้สอนภาษาอังกฤษ และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า สภาพปัญหาและความต้องการในการ จัดการเรียนการสอนโดยครูผู้สอนภาษาอังกฤษ และนักเรียน มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก กล่าวคือ นักเรียนมีความคิดเห็นในระดับ 4.16 และครูผู้สอนอยู่ในระดับ 3.99 และพบว่าวิธีสอนแบบกลุ่มร่วมมือ ช่วยเหลือกันในกลุ่ม ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับต่ำกว่าวิธีอื่น ๆ นักเรียนมีความต้องการให้มีการจัดกระบวนการเรียนการสอนแบบกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและคนเก่งช่วยเหลือกลุ่มอ่อน ทำกิจกรรมร่วมกัน ให้มีองค์ประกอบของกระบวนจัดกิจกรรมที่หลากหลาย มีการเล่นเกม ร้องเพลง ใช้สื่อ ทำกิจกรรมร่วม ที่สามารถศึกษาแล้วนำไปปฏิบัติได้ สนุกกับการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนให้เป็นระบบ รวมถึงเนื้อหาองค์ความรู้ต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือรูปแบบต่าง ๆ สามารถทำให้นักเรียนเรียนรู้บนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้จากการปฏิบัติจริงในกิจกรรมที่กำหนด กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses จึงเป็นวิธีการสอนที่เหมาะสมตามรูปแบบ Active learning คือการทำกิจกรรมด้วยกันในกลุ่ม ปรึกษา ช่วยเหลือ และปฏิสัมพันธ์ในกลุ่ม
2. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses พบว่า กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses ที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น ได้ค่าประสิทธิภาพจากการทดลองภาคสนามผ่านเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนด จัดเป็นเทคนิควิธีสอนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
3. ผลการทดลองใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI โดยการทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 พบว่า นักเรียนสามารถใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses ซึ่งผลการทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างพบว่า กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses มีประสิทธิภาพ E1/E2 = 82.90/82.39 สอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TAI เพื่อส่งเสริมความเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (