เร่งถกเกณฑ์คัดผอ.รร.รูปแบบใหม่

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 24 ต.ค. 2561 21:01:05 น. เข้าชม 166315 ครั้ง

เร่งถกเกณฑ์คัดผอ.รร.รูปแบบใหม่

สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน เตรียม ชง ร่างหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา เข้าที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ ก่อนเข้าสู่การพิจาณาของบอร์ด ก.ค.ศ.ตัดสินว่าการคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาจะมีการสอบข้อเขียน หรือ ไม่มีการสอบข้อเขียน

วันนี้ (23 ต.ค.) ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะนำร่างหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและการบริหารงานบุคคล ที่มี นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน พิจารณาว่าการคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาจะมีการสอบข้อเขียน หรือ ไม่มีการสอบข้อเขียน จากนั้นในวันที่ 25 ต.ค.จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ.เป็นประธาน ตัดสินและประกาศใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือก จากนั้น สพฐ.จะจัดทำปฏิทินการคัดเลือกให้ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ดำเนินการคัดเลือกพร้อมกัน โดยคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

“บอร์ด ก.ค.ศ.ต้องตัดสินใจว่า การคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาในปีนี้ จะให้มีการสอบข้อเขียน หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา รมว.ศธ.มีความเห็นว่าการไม่สอบข้อเขียน จะทำให้ กศจ.เลือกคนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ขณะที่อนุกรรมการบางคนก็บอกว่าการสอบข้อเขียนทำให้ได้คนอ่านหนังสือ ท่องตำรา แต่ไม่มีประสบการณ์ ทำงานไม่เป็นมาเป็นผู้บริหาร ควรคัดเลือกคนมีประสบการณ์ และทุกคนมองเห็นแล้วว่าทำงานเก่งมาเป็นผู้บริหาร ขณะที่อนุกรรมการบางคนก็ยังเห็นว่าควรมีการสอบข้อเขียนด้วย ซึ่ง สพฐ.ก็เสนอไปทั้ง 2 แนวทาง อย่างไรก็ตามขณะนี้ สพฐ.มีโรงเรียนที่ขาดผู้อำนวยการสถานศึกษาอยู่ประมาณ 6,000 อัตรา เมื่อได้รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกแล้ว อาจต้องมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการคัดเลือก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ รองผู้อำนวยการสถานศึกษาที่ขาดอยู่ ประมาณ 3,000-4,000 อัตรา” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2561