โพสต์โดย : Admin เมื่อ 4 ต.ค. 2560 13:42:42 น. เข้าชม 166442 ครั้ง
อเล็ก รอสส์ ระบุ มี 5 อุตสาหกรรมที่จะพลิกโฉมโลกอนาคตทั้งอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ พันธุกรรม ข้อมูล ความปลอดภัยไซเบอร์และบิทคอยน์
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค จัดงาน ‘Shift Happens: พลิกธุรกิจให้ทันวันพรุ่งนี้’ ครั้งแรกกับงานทอล์กที่ ‘เปิด’ มุมมองธุรกิจแห่งโลกอนาคต ให้เห็นโอกาส รู้ทันความท้าทาย และ ‘พลิก’ ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและสร้างสังคมที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน
โลกของเราก้าวสู่อนาคตด้วยความเร็วไวกว่าแสง หลายอาชีพกำลังจะตกงาน หลายธุรกิจกำลังจะสูญพันธุ์ มีการคาดการณ์ว่า ราว 6% ของงานที่มีอยู่ในปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ภายในอีกเพียง 5 ปี ข้างหน้า และจะเพิ่มขึ้นเป็น 47% ภายใน 20 ปี ในขณะที่อุตสาหกรรมและธุรกิจที่จะนิยามโลกยุคใหม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาแล้ว วิธีคิดในการทำธุรกิจก็กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อการวัดความโปร่งใสขององค์กรภาคธุรกิจ (Defence Companies Anti-Corruption Index) คือ เทรนด์ใหม่ที่กำลังมา ผู้บริโภคมีอำนาจกำกับพฤติกรรมภาคธุรกิจอย่างเข้มข้น ภาคธุรกิจจึงต้องคิดให้ละเอียด ในวันที่กว่า 70% ของผู้บริโภครุ่นใหม่จากทั่วโลกไม่ได้ต้องการเพียงแค่สินค้าและบริการที่ดี แต่ต้องการมั่นใจว่า ภาคธุรกิจมีความโปร่งใสด้วย ดังนั้น ‘ความโปร่งใส’ จึงกลายเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการทำธุรกิจในอนาคตอันใกล้ และความอยู่รอดของธุรกิจกลายเป็นเรื่องเดียวกับการสร้างสังคมที่ดีกว่า
อเล็ก รอสส์ (Alec Ross ) อดีตที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมของฮิลลารี คลินตัน สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และเคยเป็นคณะทำงานด้านนโยบายเทคโนโลยี สื่อ และการสื่อสารในแคมเปญการเลือกตั้งของ อารัค โอบามา ได้กล่าวในหัวข้อ พลิกทันอนาคต (The Industries of the Future) ว่า อุตสาหกรรมที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจและสังคมแห่งโลกอนาคต ได้แก่
ซึ่งอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ได้หมายถึง แค่นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ แต่เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ เกิดระบบนิเวศภายในอุตสาหกรรมจนทำให้ราคาถูก ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (mass) เข้าถึงสินค้าได้
การมองเห็นทิศทางของเทคโนโลยี นวัตกรรม และอุตสาหกรรมในอนาคตเป็น ‘เงื่อนไขที่จำเป็น’ สำหรับการคว้าโอกาสทางเศรษฐกิจในโลกใหม่ แต่ยังไม่ใช่ ‘เงื่อนไขที่เพียงพอ’ การมุ่งสู่อนาคตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่นมาช่วยหนุนเสริม
สังคมเศรษฐกิจแบบเปิด (Openness) ซึ่งพูดอย่างเป็นรูปธรรมคือ การมีธรรมาภิบาลที่ดี การมีกฎกติกาที่เอื้อต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีความโปร่งใส มีสื่อที่เป็นอิสระจากอำนาจคอยตรวจสอบความผิดปกติ สร้างการมีส่วนร่วม และให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสให้กับทุกคน
สังคมแบบปิด (Closed) ที่ไร้ธรรมาภิบาล ไร้ความโปร่งใส กฎกติกาไม่เป็นธรรม คอร์รัปชันสูง สื่อถูกควบคุมจนไม่สามารถตรวจสอบได้ สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น และทำงานเฉพาะในอุตสาหกรรมแบบเก่าเท่านั้น ในอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องพึ่งพิงความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี สังคมเศรษฐกิจแบบปิดจะไม่สามารถทำงานได้เลย และประเทศจะติดหล่มในที่สุด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2560 เวลา 07.05 น.