เครื่องมือค้นหา
หน้าแรก » บทความด้านการศึกษา » ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น จากระดับไอคิว หรือความรู้

ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น จากระดับไอคิว หรือความรู้

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 15 ก.ย. 2560 10:42:34 น. เข้าชม 166335 ครั้ง

 รับทำเว็บโรงเรียน 5900 ใช้งานได้เลย GED  |   IELTS  |   สอบ IELTS  |   สอบ TOEIC  |   CU-BEST  |   CU-TEP  |  
ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น จากระดับไอคิว หรือความรู้
แจกฟรีโปรแกรมจัดตารางเรียน แจกฟรีโปรแกรมเช็คชื่อ บันทึกความดี

ดูในรายการ : บทความด้านการศึกษา ทั้งหมด

กดติดตาม Facebook และ YouTube ห้องพักครูเพื่อเป็นกำลังใจ
ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น จากระดับไอคิว หรือความรู้
ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น จากระดับไอคิว หรือความรู้

ผลการวิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า”คนอื่น

วิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า” คนอื่นได้


ความฉลาดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากระดับไอคิว หรือความรู้ที่มีเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้จากการได้รับข้อมูลใหม่ ๆ และนำมาคิด คำนวณ ใช้เหตุผล จนเกิดการเชื่อมโยงกัน

มีผลการวิจัยพบว่าไอคิวของคนเราถูกกำหนดมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว และไม่สามารถไปเพิ่มมันได้ แต่นอกเหนือจากระดับไอคิวแล้วยังมีอีกหลายปัจจัย อาทิ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ลักษณะนิสัย ฯลฯ ที่จะส่งผลให้ลูกของคุณดู ฉลาดกว่า คนอื่นได้ 


จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ศึกษามานานกว่า 10 ปี ได้สรุปออกมาว่าลักษณะเหล่านี้จะเป็นบุคคลที่มีแนวโน้ม ฉลาดปราดเปรื่องได้มากกว่าคนปกติทั่วไป


วิจัยชี้ 7 ลักษณะที่เข้าข่ายว่าลูกคุณ “ฉลาดกว่า” คนอื่นได้

มีผลการวิจัยพบว่าไอคิวของคนเราถูกกำหนดมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว และไม่สามารถไปเพิ่มมันได้ แต่นอกเหนือจากระดับไอคิวแล้วยังมีอีกหลายปัจจัย อาทิ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ลักษณะนิสัย ฯลฯ ที่จะส่งผลให้ลูกของคุณดู ฉลาดกว่า คนอื่นได้ 


จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ศึกษามานานกว่า 10 ปี ได้สรุปออกมาว่าลักษณะเหล่านี้จะเป็นบุคคลที่มีแนวโน้ม ฉลาดปราดเปรื่องได้มากกว่าคนปกติทั่วไป

1เป็นเด็กนมแม่#1เป็นเด็กนมแม่

มีผลจากผลการวิจัยหลาย ๆ ชิ้น เห็นในทิศทางเดียวกันว่า การให้นมแม่นั้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองของทารกเป็นอย่างมาก หากลูกได้กินนมแม่อย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง ส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของเด็ก เสริมสร้างระดับสติปัญญา (IQ) ในเด็กให้เพิ่มขึ้นได้มากกว่าเด็กที่ไม่เด็กที่ได้ดื่มน้ำนม


2 เป็นพี่คนโต#2 เป็นพี่คนโต

ผลการศึกษาจากประเทศนอร์เวย์ในปี 2007 พบว่าคนที่เป็นพี่คนโตมักมีสติปัญญาดีกว่าน้อง ๆ ที่คลานตามกันมา จากตัวอย่างพี่น้องทั้งหมด 250,000 คนพบว่าลูกคนแรกจะมี IQ สูงกว่าน้องคนรองอยู่ประมาณ 3 จุดโดยเฉลี่ย ลูกคนรองจะมี IQ สูงกว่าคนถัดไป 1 จุด โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับยีนหรือพันธุกรรมแต่อย่างใด 


คนส่วนใหญ่เชื่อว่าลูกคนโตอาจได้เปรียบน้องคนอื่น ๆ เพราะได้ใช้เวลา และได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่กับพ่อแม่เต็มที่ และยังพบว่าลูกคนโตจะรู้จักรับผิดชอบในการสอนและดูแลน้อง ทำให้มีวุฒิภาวะและความฉลาดมากกว่านั้นเอง


3 ไม่อ้วน#3 ไม่อ้วน

มีการศึกษาชิ้นหนึ่งในปี 2006 พบว่า เด็กวัย 11 ปีที่มีทดสอบด้านการเรียนรู้ต่ำกว่าปกตินั้น จะมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนเมื่อโต ผู้วิจัยได้อธิบายในทางกลับกันว่าเด็กที่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี ย่อมส่งผลต่อการดูแลสุขภาพร่างกายที่ดีได้ด้วยเพราะมีความรู้ ความคิดในการดูแลตัวเอง จึงทำให้มีรูปร่างที่ดี

4 อ่านหนังสือเป็นเร็ว#4 อ่านหนังสือเป็นเร็ว

หากลูกได้มีทักษะการอ่านตั้งแต่อายุยังน้อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความสามารถด้านอื่น ได้รวดเร็วและส่งผลต่อความฉลาดที่เพิ่มขึ้นได้ มีผลการศึกษาของประเทศอังกฤษได้ทำการทดลองคู่แฝดจำนวน 2,000 คู่ พบว่าเด็กคนที่เริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนจะมีไอคิวสูงกว่าคู่แฝดที่เริ่มทีหลัง นักวิจัยได้ให้เหตุผลของการที่เด็กที่เริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนจะมีไอคิวที่สูงกว่า เพราะว่าการอ่านเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาสมองที่สำคัญ เด็กที่อ่านหนังสือเป็นเร็วจะช่วยให้เด็กฉลาดขึ้นนั้นเอง


5 มีแนวโน้มว่าสูง#5 มีแนวโน้มว่าสูง

การศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัยในปี 2008 พบว่า เด็กที่มีความสูงจะมีผลทดสอบด้านไอคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไป และจะมีโอกาสประสบความสำเร็จทางการเงินเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

6 เรียนดนตรี#6 เรียนดนตรี

มีการค้นคว้าจากประเทศเยอรมันบอกว่า การให้ลูกได้เรียนดนตรีมีประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนรู้มากเป็นสองเท่าของการเล่นกีฬา เต้น หรือแสดงละครอีก เด็กที่เรียนดนตรีจะมีกระบวนการความคิดที่เด่นชัด ช่วยให้เรียนดี มีทักษะการอ่านเขียนที่ดีขึ้น เรียนรู้ภาษาต่าง ๆ ได้เร็ว ช่วยในด้านความจำ มีความรอบคอบ เพิ่มไอคิว มีความคิดสร้างสรรค์และมีความมั่นใจในตนเอง โดยงานวิจัยในปี 2011 ได้ทำการทดลองกับเด็ก ๆ อายุ 4-6 ปี พบว่าเด็กที่เรียนดนตรีเพียงแค่เดือนเดียวมีผลทดสอบด้านความฉลาดสูงขึ้น

7 เป็นเด็กถนัดซ้าย#7 เป็นเด็กถนัดซ้าย

เคยได้ยินกันไหมค่ะว่า เด็กที่ถนัดซ้ายจะเรียนเก่ง เด็กที่ถนัดขวาจะเป็นนักกีฬา ซึ่งนักวิจัยชาวออสเตรเลียระบุว่าคนที่ถนัดซ้ายนั้นสามารถคิดได้เร็วกว่า และมีแนวโน้มที่เล่นกีฬาเก่งกว่า รวมถึงทำงานที่ซับซ้อนหรือทำกิจกรรมพร้อม ๆ กันหลายอย่างได้ดี สามารถเชื่อมโยงสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันในเชิงที่มีความหมายได้ มีการคิดวิเคราะห์ที่ดี ซึ่งเป็นลักษณะของความคิดที่แปลกใหม่ เป็นแนวคิดที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง


ขอบคุณที่มา : https://th.theasianparent.com/



อ่านต่อ http://www.kruupdate.com/


☰กดไลค์หรือแชร์ เรื่องนี้ให้เพื่อนรู้ >>>

เว็บไซต์ห้องพักครูดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
กดติดตาม YouTube ห้องพักครูเพื่อเป็นกำลังใจ
แจกฟรีโปรแกรม ปพ.5 ล่าสุด แจกฟรีโปรแกรมเช็คชื่อ บันทึกความดี

เนื้อหาแนะนำ บทความด้านการศึกษา


คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !


วิธีการดาวน์โหลด สือการสอน แผนการสอน

จำหน่ายแผนการสอน ป.1-ม.6 ล่าสุด


หมวดหมู่ : บทความด้านการศึกษา

รวมหนังสือเตรียมสอบ





ข่าว ล่าสุด

GED  |   chulatutor  |   สอบ IELTS  |   สอบ TOEIC  |   IELTS  |   TOEIC  |  

ติดตามเรา Facebook