การวางแผนอนาคตทางการเงิน และการสร้างความมั่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
กรมธรรม์ประกันชีวิต
คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้ อย่างไรก็ตาม
สำหรับมือใหม่
การทำความเข้าใจประเภทของกรมธรรม์ประกันชีวิตอาจจะดูซับซ้อนไปบ้างกรมธรรม์ประกันชีวิต
มีกี่แบบ และแต่ละแบบมีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง
ประกันชีวิตคืออะไรก่อนจะไปดูประเภทของกรมธรรม์มาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน
ประกันชีวิต คือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง ผู้เอาประกันภัย (ลูกค้า) กับ
บริษัทประกันชีวิต (เช่น ไทยประกันชีวิต)
โดยที่ผู้เอาประกันภัยจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นงวดๆ
และบริษัทจะจ่ายเงินผลประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนด
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น การเสียชีวิต
การมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา หรือการเจ็บป่วย/ทุพพลภาพ
(ขึ้นอยู่กับสัญญาเพิ่มเติม)
กรมธรรม์ประกันชีวิตมี 4 ประเภทหลักโดยทั่วไปแล้ว กรมธรรม์ประกันชีวิตสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ตามลักษณะของความคุ้มครองและผลตอบแทน ดังนี้:
1. ประกันชีวิตตลอดชีพเน้น: ให้ความคุ้มครองยาวนาน ตลอดชีวิต ของผู้เอาประกันภัย (ส่วนใหญ่มักจะถึงอายุ 90 ปี หรือ 99 ปี)
การจ่ายเบี้ย:
ชำระเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาสั้นกว่าความคุ้มครอง เช่น ชำระ 10 ปี, 20 ปี,
หรือจนถึงอายุ 60 ปี แต่ให้ความคุ้มครองยาวไป
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างมรดก หรือต้องการความคุ้มครองระยะยาวให้แก่ครอบครัวอย่างแท้จริง มีมูลค่าเงินสดสะสมในกรมธรรม์
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนมรดกและหลักประกันให้ครอบครัวระยะยาว
2. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลาเน้น: ให้ความคุ้มครอง ตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างชัดเจน เช่น 5 ปี, 10 ปี, 20 ปี หรือถึงอายุ 60 ปี
การจ่ายเบี้ย: เบี้ยประกันค่อนข้างต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเภท เนื่องจากไม่มีการสะสมมูลค่าเงินสด
จุดเด่น:
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูง
ในช่วงระยะเวลาที่มีภาระหนี้สินสูง หรือมีลูกที่ยังต้องดูแล
เมื่อครบกำหนดสัญญา สัญญาก็จะสิ้นสุดลง
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัด แต่ต้องการวงเงินคุ้มครองสูงในระยะสั้น/กลาง
3. ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เน้น: การผสมผสานระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน/การลงทุน
การจ่ายเบี้ย: ชำระเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับเงินคืนเป็นงวดๆ หรือได้รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนดสัญญา
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินที่มีวินัย พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน ผลตอบแทนแน่นอนและทราบล่วงหน้า
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต:
มีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบออมสั้น คืนเร็ว
และแบบออมยาวเพื่อเป้าหมายใหญ่ เช่น การศึกษาบุตร หรือวัยเกษียณ
4. ประกันชีวิตควบการลงทุนเน้น:
ความยืดหยุ่นสูง โดยผู้เอาประกันสามารถ เลือกสัดส่วน
ของเบี้ยประกันที่นำไปใช้ในการคุ้มครองชีวิต และส่วนที่นำไป
ลงทุนในกองทุนรวม
จุดเด่น:
สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและแผนการลงทุนได้ตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงชีวิต
มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูง (แต่ก็มีความเสี่ยงตามมาด้วย)
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต:
เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ต้องการความคุ้มครองที่สูง
พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเงินฝาก