รมว.ศธ.ลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก รับฟังปัญหาโรงเรียนไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ร.ร.บ้านคลองครก อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ประชุมติดตามการใช้อินเตอร์เน็ตของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ว่า ต้องการเดินทางมาเห็นและรับฟังสภาพปัญหา รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานด้านการศึกษา และตนได้รายงานการปรับปรุงระบบอินเตอร์เน็ตในสถานศึกษาต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว

ทั้งนี้ ศธ.มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาของประเทศอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งยุคนี้จะไม่สั่งอะไรจากส่วนกลาง แต่เปิดให้ผู้ปฏิบัติและพื้นที่มีส่วนร่วมช่วยกันจัดการศึกษา โดย ศธ.จะลดงานที่ไม่จำเป็น และไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวาง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงและการใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการแก้ไขปัญหาตามหลักสากล จุดใดมีปัญหาก็แก้ตรงนั้น ดังเช่นการยกเลิก MOENet พร้อมๆ กับเปิดโอกาสให้สถานศึกษาได้เลือกเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ดี และเหมาะสมกับบริบทได้เอง สำหรับศธ.จะเร่งปรับปรุงระบบโครงสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ให้เข้าไปยังโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

“จากการรับฟังรายงานการใช้อินเตอร์เน็ตของสถานศึกษา สพฐ. ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 9 ม.ค.พบว่า สพป.จันทบุรี เขต 1-2 สพป.ระยอง เขต 1-2 สพป.ตราด และสพม.17-18 มีโรงเรียนทั้งหมด 560 โรง 7,472 ห้องเรียน ครู 10,085 คน บุคลากร 305 คน และนักเรียน 184,740 คน โรงเรียนใช้เครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ต ประกอบด้วย UNINet 237 แห่ง TOT 378 แห่ง CAT 47 แห่ง 3BB 98 แห่ง TRUE 15 แห่ง และอื่นๆ อีก 6 แห่ง มีค่าใช่จ่ายรวมทั้งสิ้น 1,156,084.40 บาท

โดยมีโรงเรียน 4 แห่งยังไม่มีระบบอินเตอร์เน็ตสำหรับจัดการศึกษา หนึ่งในนั้นคือ ร.ร.บ้านคลองครก ซึ่งจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล-ม.3 เดิมใช้อินเตอร์เน็ตระบบดาวเทียมต่อสัญญาณกับ MOENet แต่พบปัญหาสัญญาณไม่เสถียร การรับส่งข้อมูลล่าช้า ไม่สามารถใช้สื่อทันสมัยมาช่วยจัดการเรียนการสอน นักเรียนขาดการสืบค้นหาความรู้ใหม่ๆ โรงเรียนต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนของครู เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถึง 10,000 บาทต่อเดือน โดยขณะนี้โรงเรียนได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในชุมชนเพื่อเดินสายไฟเบอร์ออฟติกและขอเช่าสัญญาณจากภาคเอกชนแล้ว” รมว.ศธ.กล่าว

วันเดียวกัน ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) จ.ชลบุรี ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศธ. กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและเป็นประธานการประชุมนำนโยบายสู่การปฏิบัติขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษา หลักสูตรที่สามารถพัฒนาเป็นหลักสูตรใหม่ สาขาที่ขาดแคลน และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ว่า อาชีวศึกษาจะต้องยกระดับคุณภาพเพื่อผลิตกำลังคนสนองยุทธศาสตร์ของประเทศ และพัฒนาการศึกษาในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor:EEC) ซึ่งขณะนี้อาชีวศึกษามีมาตรฐาน มีศักยภาพ มีทักษะ และมีความเป็นมืออาชีพแล้ว แต่จุดอ่อนคือไม่มีการกระจายตัว ผลสัมฤทธิ์ยังเกิดไม่เต็มที่ และยังไม่เห็นผลในเชิงลึกที่แท้จริง

“วันนี้ประเทศต้องการกำลังคนที่มีทักษะสายวิชาชีพ เช่น ในการพัฒนา EEC ภาคอุตสาหกรรมพุ่งเป้าไปที่ 10 อุตสาหกรรมใหม่ที่จะเป็นตัวนำในการพัฒนา แต่เรายังขาดแคลนกำลังคนหลายสาขา อย่างการที่จะผลักดันให้อู่ตะเภาเป็นฐานการซ่อมเครื่องบิน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่ยังไม่มีวิศวกร ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานเพียงพอ หรือแทบจะไม่มี ดังนั้นอาชีวศึกษาซึ่งเป็นหลักสำคัญในการตอบโจทย์นี้ จำเป็นต้องมีการทบทวนความคิดใหม่ ทุกวันนี้วิทยาลัยอาชีวศึกษาแต่ละแห่งมีจุดเด่นของตัวเอง ฉะนั้นหากเห็นว่าใครเก่งกว่าก็ต้องไปจับมือมาเป็นเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือกัน ร่วมมือกัน ใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งคนและเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้ตอบโจทย์ได้เร็วขึ้น แต่สิ่งสำคัญจะต้องคำนึงถึงสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศด้วย” รมช.ศธ. กล่าว

- ขอบคุณที่มา :